ทำไม..? คนอีสานจึงกินหนอน
จากการสังเกตคนในท้องถิ่นและคนในภาคอีสาน โดยส่วนมากว่า ทำไมคนอีสานถึงแข็งแรง เราได้ค้น พบว่าผู้คนในภาคอีสาน กินอาหารที่แตกต่างจากภาคอื่น แม้อาหารชนิดนั้นจะไม่น่ารับประทานเท่าไหร่ แต่ในอาหารเหล่านั้นก็มีประโยชน์และคุณค่าทางสารอาหารไม่น้อยกว่าอาหารในภูมิภาคอื่น เช่น ดักแด้ไหม ซึ่งในการดำรงชีวิตของตัวไหมนั้นหนอนไหมจะมีการเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นดักแด้ เส้นใยที่หุ้มตัวดักแด้นั้นชาวอีสานจะสาวเอาเส้นใยไหม ออกมาเพื่อที่จะนำเอาเส้นใยไหมตัวนั้นมาทำเครื่องนุ่งห่ม สิ่งที่เหลือจากการสาวไหม คือ ตัวดักแด้ที่อยู่ในรังไหมและชาวบ้านจะนำตัวดักแด้ไปประกอบอาหารรับประทานกัน เช่น ดักแด้ทอด น้ำพริกดักแด้ หรือเพียงแค่เอาเกลือโรยเล็กน้อยก็รับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย จากการศึกษาข้อมูลพบว่า ในตัวดักแด้ไหมจะมีโปรตีนชนิดหนึ่งชื่อว่า เลซิติน ซึ่งมีประโยชน์ช่วยบำรุงและพัฒนาสมองได้
พวกเราจึงสนใจทำการศึกษาทดลอง ทดสอบหาสารอาหารในตัวดักแด้ไหม โดยใช้ความรู้ในเรื่องการทดสอบสารอาหารประเภทต่างๆจากที่ได้เรียนมาประยุกต์ใช้ ในการทดสอบหารสารอาหารในตัวดักแด้ไหมและได้ผลการทดลองดังนี้
ตารางแสดงผลการทดลอง
ผลการทดสอบสารอาหารประเภทต่างๆในดักแด้ไหม |
||
สารอาหาร |
สารที่ใช้ทดสอบ |
ผลที่ได้ |
แป้ง |
สารละลายไอโอดีน |
ไม่มีการเปลี่ยนแปลง |
น้ำตาลกลูโคส |
สารละลายเบเนดิกต์ |
ไม่มีการเปลี่ยนแปลง |
ไขมัน |
ถูกับกระดาษ |
กระดาษที่ถูโปร่งแสง |
โปรตีน |
สารละลายคอปเปอร์ซัลเฟตและสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ |
สีม่วง |
สรุปการทดลอง
จากการทดสอบหาสารอาหารในตัวดักแด้ไหมด้วยสารละลายคอปเปอร์ซัลเฟต และสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสีม่วงอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่า ในตัวดักแด้ไหมมีสารอาหารประเภทโปรตีน ทดสอบด้วยการถูกับกระดาษพบว่ากระดาษที่ถูกับดักแด้โปร่งแสงเล็กน้อย แสดงว่าในตัวดักแด้ไหม มี สารอาหารประเภทไขมันอยู่เล็กน้อย ส่วนการทดสอบหา น้ำตาลและแป้งซึ่งเป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย แสดงว่าในตัวดักแด้ไหมไม่มีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอยู่
ข้อมูลอ้างอิงการศึกษา
ดักแด้ไหม
ดักแด้ไหมเป็นสิ่งหนึ่งที่ได้จากการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
นอกจากการนำมาบริโภคโดยตรงแล้ว ยังสามารถนำไปเลี้ยงปลาและสัตว์อื่น ๆ ทั้งนี้เพราะดักแด้ไหมมีโปรตีนสูง
มีวิตามินและเกลือแร่หลายชนิดไขมันที่สกัดได้ยังนำไปผสมเพื่อทำสบู่และเทียนไขที่มีคุณภาพสูง
จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีและกรดไขมันของดักแด้ไหมพันธุ์ต่างประเทศลูกผสมพบว่า ไหมพันธุ์ต่างประเทศลูกผสมแต่ละพันธุ์
มีองค์ประกอบทางเคมีและกรดไขมันไม่แตกต่างกัน
จะเห็นได้ว่าดักแด้ไหมมีกรดไลโนเลอิคและกรดไลโนเลนิค
ซึ่งกรดไขมันทั้ง 2
ชนิดนี้ เป็นกรดไขมันจำเป็นมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ
- ลดไขมันในเลือด ทั้งไตรกรีเซอไรด์ และโคเลสเตอรอล
- ควบคุมให้ระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ลดการเกิดโรคหัวใจ
- ลดการเกิดโรคมะเร็ง
- ป้องกันการสูญเสียน้ำ ต้านรอยย่น และชะลอความแก่ของผิวหนัง
นอกจากนั้นดักแด้ไหมยังมีฟอสโฟลิปิด (phos pholipid) ที่เป็นโครงสร้างของเยื่อเซลล์ทุกชนิด
(เยื่อเซลล์สมอง เซลล์ประสาท เซลล์ตับ) จากการวิจัยพบว่าดักแด้มีฟอสโฟลิปิด 26.40%
ที่ประหอบด้วยเลซิติน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายคือ
- ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
- ช่วยในการเสริมสร้างความจำ
- ป้องกันการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
การวิเคราะห์กรดอะมิโนจากดักแด้ไหมพันธุ์ต่างประเทศลูกผสม โดยใช้ดักแด้ไหมพันธุ์นครราชสีมาลูกผสม 1 อบที่อุณหภูมิ 75 องศาเซลเซียส นาน 6 ชั่วโมง บดดักแด้ให้ละเอียดนำไปวิเคราะห์กรดอะมิโนซึ่งเป็นองค์ประกอบของโปรตีน จากการวิเคราะห์พบว่า ดักแด้ไหมพันธุ์นครราชสีมาลูกผสม 1 มีกรดอะมีโน 18 ชนิด ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับผู้ใหญ่ 8 ชนิด คือ Threonine, Valine, Methionine, Isoleucine, Leucine, Phenylalanine, Lysin, Tryptophan และกรดอะมิโนจำเป็นสำหรับทารกเพิ่มอีก 1 ชนิดคือ Histidine ซึ่งกรดอะมิโนจำเป็นนี้ทั้งมนุษย์และสัตว์ไม่สามารถสังเคราะห์เองได้จำเป็นต้องบริโภคอาหารที่มีกรดอะมิโนจำเป็นถ้าร่างกายได้รับกรดอะมิโนจำเป็นไม่เพียงพอหรือไม่ครบทุกชนิด จะทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตเฉพาะทารกการย่อยและดูดซึมอาหารผิดปกติ มีอาการท้องเดิน บวมตามตัว โรคโลหิตจาง มีความผิดปกติของระบบประสาทและสมอง ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าดักแด้ไหมมีโปรตีนสูงและเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพเนื่องจากมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน การนำดักแด้ไหมมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
การสกัดไขมันจากดักแด้ไหม จากการศึกษาชนิดตัวทำละลายน้ำมันจากดักแด้ไหมจำนวน 5 ชนิดคือ Hexane (AR grade), Hexane (Commercial), Diethyl ether, Phtroleum ether, Ethanol (absolute) กับดักแด้ของไหมพันธุ์เขียวสกล พันธุ์ไทยลูกผสมอุดรธานี ตัวทำละลายที่สามารถสกัดน้ำมันจากดักแด้ได้บริสุทธิ์ไม่มีสิ่งเจือปนคือ สาร Hexane (AR grade) ซึ่งสามารถสกัดน้ำมันจากดักแด้เพศเมีย พันธุ์เขียวสกลได้ประมาณ 22.78% น้ำมันจากดักแด้เพศผู้ ประมาณ 30.48% และสารสกัดน้ำมันจากพันธุ์ไทยลูกผสมอุดรธานีจากดักแด้เพศเมียประมาณ 19.77% น้ำมันจากดักแด้เพศผู้ ประมาณ 29.35% องค์ประกอบกรดไขมันในน้ำมันจากดักแด้ไหมประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acid; SFA) มี Palmitic acid, Stearic acid กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fatty acid; UFA) มี Palmitoleic acid, Oleic acid, Linoleic acid และ Linolenic acid
จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของไขมันและโปรตีนจากดักแด้ไหมของพันธุ์ไทยลูกผสมอุดรธานีซึ่งได้ทำการแยกวิเคราะห์ดักแด้ไหมอบแห้งและบดกับดักแด้ไหมที่ได้สกัดน้ำมันออกแล้ว
โดยทำการสกัดน้ำมันด้วยตัวทำละลาย Hexane (AR grade) โดยที่ปริมาณของโปรตีนและฟอสโฟลิปิดของดักแด้ไหมที่สกัดน้ำมันออกแล้วจะมากกว่าดักแด้ไหมที่อบแห้งและบด
จะมีปริมาณโปรตีนประมาณ 67.80% ฟอสโฟลิปิดประมาณ 30.36%
องค์ประกอบของกรดไขมัน จะมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว
ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์อยู่ 4 ชนิด คือ
Palmitoleic acid (C16:1)
มีปริมาณ 0.66 0.91%
Oleic acid (C18:1) มีปริมาณ 8 34%
Linoleic acid (C18:2) มีประมาณ 6 12% และ
Linolenic acid (C18:3)
มีปริมาณ 28 33% จะมีปริมาณมากกว่ากรดไขมันชนิดอิ่มตัว
ที่มีอยู่ คือ Palmitic acid (S16:0) มีปริมาณ 21
23% และ Stearic acid (C18:0) มีปริมาณ 5 10%
ที่มาของข้อมูล: www.moac.go.th
ผู้ศึกษา : นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
โรงเรียนบ้านสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ เขต 3